เคล็ดลับเพื่อ สุขภาพ ^+++^d - เคล็ดลับเพื่อ สุขภาพ ^+++^d นิยาย เคล็ดลับเพื่อ สุขภาพ ^+++^d : Dek-D.com - Writer

    เคล็ดลับเพื่อ สุขภาพ ^+++^d

    ผู้เข้าชมรวม

    174

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    174

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ย. 55 / 16:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      10 เคล็ดลับการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
       
       

         ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องกินอาหารเข้าไปมากมายเหลือเกิน มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุด ต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝากค่ะ 
      1.กินอาหารเช้า 
         เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน การกินอาหารเช้า ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง 

      2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร 
         ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิม ที่คุณเคยใช้ดีกว่า เพราะไม่มีไขมันที่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี 

      3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น 
         คนเราควรดื่มน้ำวันละสองลิตรเป็นอย่างน้อย เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้คุณสดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว 

      4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก 
         ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะเสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 

      5. บอกลาขนม ของจุกจิก 
         ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทนวิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ 

      6. สร้างความคุ้นเคย กับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง 
         เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ถึงหนึ่งในสามเลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล 

      7. ได้เวลาน้ำชาแล้ว 
         ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30% 

      8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี 
         หมายความว่า คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่าสีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียว บร็อคคอลลี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับ การกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วยแหล่ะ 

      9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา 
         การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อยย่อยง่าย เหมาะสำหรับ คนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด 

      10. กินถั่วให้เป็นนิสัย 
         ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสักสองช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีนวิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้ 

       

       

      9 วิธีกินดีเพื่อสุขภาพ
       
       

         ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกองโภชนาการ กรมอนามัย ได้มี "ข้อแนะนำการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทย" (Food Based Dietary Guildlines) 9 ข้อ ดังนี้ 

         1. กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว 
      ข้อแนะนำนี้เป็นข้อแนะนำหลัก ยึดอาหารหลัก 5 หมู่ และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ละหมู่ให้มีความหลากหลาย ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด น้ำหนักตัวเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวะสุขภาพ ในผู้ใหญ่ที่กินอาหารได้เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม มีรูปร่างที่ไม่อ้วนหรือผอมเกินไปและมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่ หากสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติ แสดงให้เห็นว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไปแล้ว ควรจะต้องหันมาควบคุมลดปริมาณให้น้อยลง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เสื้อผ้าคับก่อนที่เริ่มรู้สึกตัวเพราะเสื้อผ้าสมัยใหม่มักนิยมใช้สายยืดเพื่อให้สวมใส่สบาย 
      หรือหากพบว่าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ก็ควรต้องให้ความสนใจพร้อมทั้งสังเกตว่ามีการอ่อนเพลีย ง่วง ซึม หรืออาการที่แตกต่างไปจากปกติเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้ามีอาการมากควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ สำหรับเด็ก ร่างกายมีการเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราที่เหมาะสม ดังนั้น ควรหมั่นชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง 

         2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ 
      เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของคนไทย จึงให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ถ้าเป็นไปได้ ควรกินข้าวซ้อมมือ เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนและใยอาหารมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว 
      ส่วนอาหารแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ให้กินเป็นบางมื้อ อาหารแป้งเป็นอาหารที่ผ่าน-การแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว 

         3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ 
      อาหารหลัก 5 หมู่ ของไทยมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การจัดแยกพืชผัก และผลไม้เป็นอาหารหลักคนละหมู่ 
      เนื่องจากประเทศไทยมีพืชผักและผลไม้อุดมสมบูรณ์ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกบริโภคได้ตลอดปี 
      พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น สารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรที่ช่วยรักษาสุขภาพ 

         4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ 
      เป็นการกินอาหารที่ให้โปรตีน โดยเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ สำหรับเนื้อสัตว์ให้เลือกที่ไม่ติดมัน หรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำ เด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาภาวะโคเลสเตอรอลสูงในเลือดควรลดปริมาณลง 

         5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย 
      บางคนอาจมองเห็นว่าน้ำนมเป็นอาหารของต่างชาติ ไม่ควรส่งเสริมการบริโภค น่าจะให้คนไทยไปบริโภคอาหารอย่างอื่นจะดีกว่า อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาโดยรวม จะเห็นได้ว่าน้ำนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้น้ำนมเป็นอาหารที่กินง่าย ราคาไม่แพงเกินไป มีหลายชนิดหาได้ทั่วไป จีงเป็นการสะดวกที่จะใช้เป็นอาหารสำหรับคนทุกวัย 
      ในกรณีที่ห่วงว่าคื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ผู้บริโภคสามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมันในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่น่าที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน 
      ปริมาณที่แนะนำคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว 

         6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร 
      ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโภชนาการ เช่น โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูงที่นำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน 
      เพียงแต่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้ และอาหารที่ใช้น้ำมันหรือกะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร 

         7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด 
      ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด ได้แก่ น้ำตาล และเกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิดเมื่อบริโภคมากเกินไป พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง 
      วิธีปฏิบัตินอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัดแล้ว ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดาไม่ควรที่จะต้องเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรือหันมากินอาหารแบบไทยเดิม ที่มีกับข้าวหลายชนิดเพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย 

         8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน 
      การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสม อาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาด มีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหาร สถานที่ผลิต 
      นอกจากนี้ผู้บริโภคควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลาง หรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารมากกว่าการใช้มือ 

         9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล ์ 
      เมื่อดื่มมาก จะมีผลทำให้การทำงานของระบบสมองและประสาทช้าลง ทำให้เกิดการขาดสติได้ง่าย ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด 
      ดังนั้นควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด 

       

       

       

       ฉลาดกิน เพื่อสุขภาพที่ดี
       
       

      ถ้ามีคนถามคุณว่าวิธีจับจ่ายซื้ออาหารของคุณเป็นอย่างไร คุณจะตอบข้อไหนระหว่าง 
            ก. ซื้อมาทีเยอะๆกะทานได้ตลอดอาทิตย์หรือครึ่งเดือนนั่นแหละ

            ข. ฉันไม่เคยวางแผนว่าจะซื้ออะไร ไปถึงตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเห็นอะไรเข้าท่าก็ซื้อมา

            ค. ซื้อตอนหิวจ๊ะ หิวทีก็ไปซื้อที

            ง. โอ๊ยฉันเรื่องมากจะตาย กว่าจะซื้ออะไรฉันต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะเอาไปทำอะไรกิน

      ถ้าคุณตอบข้อ ก. คุณมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูป ประเภทโยนเข้าเตาไมโครเวฟ 5 นาทีก็เอาออกมาได้เลย เป็นวิธีที่แม่บ้านธุรกิจยุ่งเหยิงส่วนใหญ่ทำ เวลาที่พวกเธอต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดหรือไปดูงานที่ต่างประเทศ ทิ้งพ่อบ้านลูกบ้านให้อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะใช้วิธีนี้ สะดวกดีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมองว่า ทานอาหารที่ประกอบจากของสดๆ จะได้รับคุฯค่าจากสารอาหารมากกว่า ( ต้องขอบอกว่าต้องขึ้นอยู่กับวิธีการปรุงด้วย )

      ถ้าคุณตอบข้อ ข. คุณมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารที่ไม่จำเป็นกลับมาบ้าน หลายครั้งที่คุณเก็บดองของที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้จนต้องทิ้งถังขยะในภายหลัง

      ถ้าคุณตอบข้อ ค. คุณมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารที่พ่อค้าแม่ค้าทำไว้แล้ว และซื้อในปริมาณมากๆเพราะในยามที่คุณหิวคุณจะเห็นอะไรน่าทานไปหมดซึ่งเป็นปฏิกิริยาของคนทั่วไป

      ถ้าคุณตอบข้อ ง. ขอแสดงคววามยินดีด้วย เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะซื้อของสดมาทำเอง คุณเป็นคนพิถีพิถันเอาเรื่องเชียวหล่ะและจู้จี้กับการเลือกซื้อของใหม่ สด

      ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ คุณจะดื่มวันละกี่แก้ว ถึงถือว่าเป็นปริมาณที่จะได้รับคาเฟอีนพอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป ระหว่าง 1 แก้ว 2 แก้ว 3 แก้ว 4 แก้ว หรือมากกว่านี้

      คำตอบคือดื่มวันละ 2 แก้วก็พอ แล้วคุณจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยในระดับพอดีๆ ไม่ทำลายสุขภาพ

      แล้วถ้าคุณพิสมัยเครื่องดื่มแอกอฮอล์ ทราบไหมว่าควรดื่มแค่ไหนที่จะไม่ทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ วันละ 1 แก้ว 2 แก้ว 3 แก้ว 4 แก้ว หรือมากกว่านั้น

      ยิ่งดื่มน้อยก็ยิ่งดีค่ะ แต่ถ้าเป็นการดื่มในระดับปานกลาง ยอมให้ผู้ชายดื่มได้ 2 แก้วเล็กๆต่อวัน และคุณผู้หญิงดื่มได้วันละ 1 แก้วเล็กต่อวัน เช่นกัน อย่าให้มากไปกว่านี้ อย่าลืมว่าต้องป็นแก้วเล็กๆ ขนาดแก้วไวน์ ไม่ใช่เหยือกหรือแก้วน้ำ

      เวลาที่คุณไปทานอาหารตามร้านหรือตามภัตตาคาร คุณสั่งอาหารอย่างไร ระหว่าง

            ก. สั่งของกินเล่นมารองท้องก่อน เช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ

            ข. สั่งน้ำหรือเครื่องดื่มมาดื่มก่อนทานอาหาร

            ค. สั่งอาหารคาวหรือของว่างมาทานเรียกน้ำย่อย เช่น ข้าตังหน้าตั้ง ข้าวเกรียบปากหม้อ ลูกชิ้นปิ้ง

            ง. สั่งสสลัดมาทาน

      ถ้าคุณเลือกข้อ ก. หรือ ค. คุณมีแนวโน้มที่จะเลือกทานอาหารเพราะรสชาติ ทำให้มักทานเกินอิ่มและได้รับปริมาณแคลอรี่เกินต้องการ ต่อปคุณจะติดของกินเล่นก่อนทานอาหารจานหลัก

      ถ้าคุณเลือกข้อ ข. หรือ ง. คือดื่มน้ำก่อนทานผักหรือก่อนทานอาหาร จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณคำนึงถึงสุขภาพ ทั้งน้ำและผักจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วและทานอาหารจานหลักได้น้อยลง

      ทุกวันนี้คนเราอายุยืนยาวขึ้น เป็นผลทำให้ต้องพิถีพิถันในการดำเนินชีวิต มีการวางแผนเรื่องการเงินและสุขภาพ รวมทั้งทำตัวให้แก่ช้าลง ซึ่งการกินการอยู่ก็เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่นอกจากจะละเลยไม่ได้แล้วยังต้องใส่ใจให้มากขึ้นด้วย

       

       

       

       

      สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ
       
       

         ในหมู่นักบริโภคเพื่อสุขภาพ คำว่า “อาหารเป็นยา” เป็นเรื่องที่ทราบกันดี เพราะอาหารที่คุณคุ้นเคยหลายชนิด นอกจากจะอร่อยลิ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดปัญหาทางสุขภาพและช่วยส่งเสริมสุขภาพได้อีกด้วย และที่จะนำเสนอ    ต่อไปนี้เป็นสุดยอดอาหารธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพซึ่งคนเป็นแม่ควรจะได้รับรู้ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวค่ะ 

         1. บร็อคโคลี่ ผักในตระกูลกะหล่ำที่เป็นที่นิยมของนักบริโภคทั่วโลก บร็อคโคลี่มีประโยชน์ในการช่วยป้องกันมะเร็ง อุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรงอีกด้วย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสาร grutathione ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวานและโรคหัวใจ และนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับโคเลสเตอรอลและช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากบล็อกโคลี่ มีสารเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะสาร lutein 
      ขนาดรับประทาน : บร็อคโคลี่ 1/2 ถ้วย ต่อสัปดาห์ก็จะดีต่อสุขภาพ 

         2. กระเทียม ช่วยลดโคเลสเตอรอล มีฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินในการช่วยป้องกัน การแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้เหมือนกับยาเพ็นนิซิลิน โดยเฉพาะเวลาที่เจ็บคอ สามารถใช้กระเทียมรักษาได้ดีค่ะ และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็านมอีกด้วย 
      ขนาดรับประทาน : การป้องกันโรคหัวใจรับประทานวันละ 1 กลีบ โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานกระเทียมเป็นประจำทุกวัน 

         3. ถั่วแดง เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูงมาก ดังนั้นจึงช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ อุดมด้วยกรดโฟลิคที่ช่วยบำรุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ Polyphenolicsที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย 
      ขนาดรับประทาน : ควรรับประทาน 1 ถ้วยต่อวัน 

         4. นมพร่องมันเนย เป็นแหล่งของแคลเซียมสูงที่ปลอดไขมัน ซึ่งป้องกันภาวะกระดูกพรุน และยังประกอบด้วยสารโปตัสเซียมและแมกนีเซียมที่ออกฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูง 
      ขนาดรับประทาน : คนวัยหนุ่มสาวต้องการแคลเซียมวันละ 1,000 mg. ส่วนวัยสูงอายุจะต้องการเพิ่มเป็น 1,500 mg/วัน จึงจะเพียงพอ ปัจจุบันมีนมพร่องมันเนยแคลเซียมสูงจำหน่ายอยู่ทั่วไปเลือกดื่มได้ตามปริมาณที่แนะนำ 

         5. ส้ม ยอดผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูง เส้นใยอาหารสูง รวมทั้งสารอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งช่วยป้องกันหวัด ลดระดับโคเลสเตอรอล ช่วยในการสร้างกระดูก ป้องกันการเกิดนิ่วในไต ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ตลอดจนช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้สาร phytochemicals ในสังคมยังช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมด้วย 
      ขนาดรับประทาน : ควรรับประทานส้มวันละ 1-2 ผล เป็นประจำทุกวัน 

         6. ปลาแซลมอน มีปริมาณน้ำมันปลาที่เรียกว่า Omega-3s ค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบนอกจากนี้น้ำมันปลา ยังช่วยลดอาการปวดรอบเดือน กลุ่มอาการก่อนมีรอบเดือน รวมทั้งช่วยระงับอาการซึมเศร้าได้ด้วย 
      ขนาดรับประทาน : รับประทานสัปดาห์ละ 3 ออนซ์ 

         7. เต้าหู้ หนึ่งในอาหารชั้นเลิศที่ควรเลือกรับประทานค่ะช่วยลดระดับไขมัน โคเลสเตอรอล อุดมด้วยสาร Isoflavone สารเอสโตรเจนธรรมชาติจากพืช ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันมะเร็งเต้านม และยังช่วยให้ไตทำงานได้ดีด้วย 
      ขนาดรับประทาน : 30-50 mg ของ Isoflavone /วัน หรือเท่ากับปริมาณ เต้าหู้ 1/2 ถ้วย/วัน ซึ่งมี Isoflavone 35 mg. 

         8. ซอสมะเขือเทศ นอกจากจะสุดอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร สาร Lycopene ในมะเขือเทศเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ พบมากในเฉพาะมะเขือเทศเท่านั้น ในผักผลไม้ชนิดอื่นจะมี Lycopene น้อย สาร Lycopene มีคุณสมบัติกำจัดสารอนุมูลอิสระตัวอันตรายให้ออกไปจากร่างกายของคุณซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยให้คุณห่างไกลความร่วงโรยอีกด้วย น่าสนมั้ยล่ะ 
      ขนาดรับประทาน : รับประทานได้ตามใจชอบเป็นประจำทุกวัน 

         9. น้ำ ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่คุณควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำคือยาอันมหัศจรรย์ทีเดียว หากดื่มน้ำได้เพียงพอ จะช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย ตะคริว รักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย ป้องกันการเกิดนิ่ว และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส 

         ควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และถ้าคุณสามารถดื่มได้มากกว่านี้ก็นับว่าเป็นกำไรของคุณ 
      เรื่องของ 9 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่เป็นเรื่องเก่าที่นำมาเล่าใหม่กี่ครั้งๆ ก็ยังไม่ทำให้ประโยชน์ที่ได้รับรู้ของผู้อ่านลดน้อยลง แต่กลับทำให้เป็นการตอกย้ำความระมัดระวังเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ. 

       

       

      ขอบคุณเครดิตจากhttp://student.nu.ac.th/com51/new.htm ค่ะ

       

       

       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×