ถ้ามีคนถามคุณว่าวิธีจับจ่ายซื้ออาหารของคุณเป็นอย่างไร คุณจะตอบข้อไหนระหว่าง
ก. ซื้อมาทีเยอะๆกะทานได้ตลอดอาทิตย์หรือครึ่งเดือนนั่นแหละ
ข. ฉันไม่เคยวางแผนว่าจะซื้ออะไร ไปถึงตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเห็นอะไรเข้าท่าก็ซื้อมา
ค. ซื้อตอนหิวจ๊ะ หิวทีก็ไปซื้อที
ง. โอ๊ยฉันเรื่องมากจะตาย กว่าจะซื้ออะไรฉันต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะเอาไปทำอะไรกิน
ถ้าคุณตอบข้อ ก. คุณมีแนวโน้มที่จะเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูป ประเภทโยนเข้าเตาไมโครเวฟ 5 นาทีก็เอาออกมาได้เลย เป็นวิธีที่แม่บ้านธุรกิจยุ่งเหยิงส่วนใหญ่ทำ เวลาที่พวกเธอต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดหรือไปดูงานที่ต่างประเทศ ทิ้งพ่อบ้านลูกบ้านให้อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะใช้วิธีนี้ สะดวกดีแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมองว่า ทานอาหารที่ประกอบจากของสดๆ จะได้รับคุฯค่าจากสารอาหารมากกว่า ( ต้องขอบอกว่าต้องขึ้นอยู่กับวิธีการปรุงด้วย )
ถ้าคุณตอบข้อ ข. คุณมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารที่ไม่จำเป็นกลับมาบ้าน หลายครั้งที่คุณเก็บดองของที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้จนต้องทิ้งถังขยะในภายหลัง
ถ้าคุณตอบข้อ ค. คุณมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารที่พ่อค้าแม่ค้าทำไว้แล้ว และซื้อในปริมาณมากๆเพราะในยามที่คุณหิวคุณจะเห็นอะไรน่าทานไปหมดซึ่งเป็นปฏิกิริยาของคนทั่วไป
ถ้าคุณตอบข้อ ง. ขอแสดงคววามยินดีด้วย เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะซื้อของสดมาทำเอง คุณเป็นคนพิถีพิถันเอาเรื่องเชียวหล่ะและจู้จี้กับการเลือกซื้อของใหม่ สด
ถ้าคุณเป็นคอกาแฟ คุณจะดื่มวันละกี่แก้ว ถึงถือว่าเป็นปริมาณที่จะได้รับคาเฟอีนพอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป ระหว่าง 1 แก้ว 2 แก้ว 3 แก้ว 4 แก้ว หรือมากกว่านี้
คำตอบคือดื่มวันละ 2 แก้วก็พอ แล้วคุณจะรู้สึกกระชุ่มกระชวยในระดับพอดีๆ ไม่ทำลายสุขภาพ
แล้วถ้าคุณพิสมัยเครื่องดื่มแอกอฮอล์ ทราบไหมว่าควรดื่มแค่ไหนที่จะไม่ทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ วันละ 1 แก้ว 2 แก้ว 3 แก้ว 4 แก้ว หรือมากกว่านั้น
ยิ่งดื่มน้อยก็ยิ่งดีค่ะ แต่ถ้าเป็นการดื่มในระดับปานกลาง ยอมให้ผู้ชายดื่มได้ 2 แก้วเล็กๆต่อวัน และคุณผู้หญิงดื่มได้วันละ 1 แก้วเล็กต่อวัน เช่นกัน อย่าให้มากไปกว่านี้ อย่าลืมว่าต้องป็นแก้วเล็กๆ ขนาดแก้วไวน์ ไม่ใช่เหยือกหรือแก้วน้ำ
เวลาที่คุณไปทานอาหารตามร้านหรือตามภัตตาคาร คุณสั่งอาหารอย่างไร ระหว่าง
ก. สั่งของกินเล่นมารองท้องก่อน เช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ
ข. สั่งน้ำหรือเครื่องดื่มมาดื่มก่อนทานอาหาร
ค. สั่งอาหารคาวหรือของว่างมาทานเรียกน้ำย่อย เช่น ข้าตังหน้าตั้ง ข้าวเกรียบปากหม้อ ลูกชิ้นปิ้ง
ง. สั่งสสลัดมาทาน
ถ้าคุณเลือกข้อ ก. หรือ ค. คุณมีแนวโน้มที่จะเลือกทานอาหารเพราะรสชาติ ทำให้มักทานเกินอิ่มและได้รับปริมาณแคลอรี่เกินต้องการ ต่อปคุณจะติดของกินเล่นก่อนทานอาหารจานหลัก
ถ้าคุณเลือกข้อ ข. หรือ ง. คือดื่มน้ำก่อนทานผักหรือก่อนทานอาหาร จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณคำนึงถึงสุขภาพ ทั้งน้ำและผักจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วและทานอาหารจานหลักได้น้อยลง
ทุกวันนี้คนเราอายุยืนยาวขึ้น เป็นผลทำให้ต้องพิถีพิถันในการดำเนินชีวิต มีการวางแผนเรื่องการเงินและสุขภาพ รวมทั้งทำตัวให้แก่ช้าลง ซึ่งการกินการอยู่ก็เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่นอกจากจะละเลยไม่ได้แล้วยังต้องใส่ใจให้มากขึ้นด้วย
สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ |
|
|
ในหมู่นักบริโภคเพื่อสุขภาพ คำว่า “อาหารเป็นยา” เป็นเรื่องที่ทราบกันดี เพราะอาหารที่คุณคุ้นเคยหลายชนิด นอกจากจะอร่อยลิ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดปัญหาทางสุขภาพและช่วยส่งเสริมสุขภาพได้อีกด้วย และที่จะนำเสนอ ต่อไปนี้เป็นสุดยอดอาหารธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพซึ่งคนเป็นแม่ควรจะได้รับรู้ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัวค่ะ
1. บร็อคโคลี่ ผักในตระกูลกะหล่ำที่เป็นที่นิยมของนักบริโภคทั่วโลก บร็อคโคลี่มีประโยชน์ในการช่วยป้องกันมะเร็ง อุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรงอีกด้วย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสาร grutathione ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวานและโรคหัวใจ และนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับโคเลสเตอรอลและช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากบล็อกโคลี่ มีสารเบต้าแคโรทีนสูง โดยเฉพาะสาร lutein
ขนาดรับประทาน : บร็อคโคลี่ 1/2 ถ้วย ต่อสัปดาห์ก็จะดีต่อสุขภาพ
2. กระเทียม ช่วยลดโคเลสเตอรอล มีฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินในการช่วยป้องกัน การแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้เหมือนกับยาเพ็นนิซิลิน โดยเฉพาะเวลาที่เจ็บคอ สามารถใช้กระเทียมรักษาได้ดีค่ะ และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็านมอีกด้วย
ขนาดรับประทาน : การป้องกันโรคหัวใจรับประทานวันละ 1 กลีบ โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานกระเทียมเป็นประจำทุกวัน
3. ถั่วแดง เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูงมาก ดังนั้นจึงช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ อุดมด้วยกรดโฟลิคที่ช่วยบำรุงโลหิต ป้องกันความผิดปกติของทารกในครรภ์นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ Polyphenolicsที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย
ขนาดรับประทาน : ควรรับประทาน 1 ถ้วยต่อวัน
4. นมพร่องมันเนย เป็นแหล่งของแคลเซียมสูงที่ปลอดไขมัน ซึ่งป้องกันภาวะกระดูกพรุน และยังประกอบด้วยสารโปตัสเซียมและแมกนีเซียมที่ออกฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ขนาดรับประทาน : คนวัยหนุ่มสาวต้องการแคลเซียมวันละ 1,000 mg. ส่วนวัยสูงอายุจะต้องการเพิ่มเป็น 1,500 mg/วัน จึงจะเพียงพอ ปัจจุบันมีนมพร่องมันเนยแคลเซียมสูงจำหน่ายอยู่ทั่วไปเลือกดื่มได้ตามปริมาณที่แนะนำ
5. ส้ม ยอดผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูง เส้นใยอาหารสูง รวมทั้งสารอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งช่วยป้องกันหวัด ลดระดับโคเลสเตอรอล ช่วยในการสร้างกระดูก ป้องกันการเกิดนิ่วในไต ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ตลอดจนช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้สาร phytochemicals ในสังคมยังช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมด้วย
ขนาดรับประทาน : ควรรับประทานส้มวันละ 1-2 ผล เป็นประจำทุกวัน
6. ปลาแซลมอน มีปริมาณน้ำมันปลาที่เรียกว่า Omega-3s ค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบนอกจากนี้น้ำมันปลา ยังช่วยลดอาการปวดรอบเดือน กลุ่มอาการก่อนมีรอบเดือน รวมทั้งช่วยระงับอาการซึมเศร้าได้ด้วย
ขนาดรับประทาน : รับประทานสัปดาห์ละ 3 ออนซ์
7. เต้าหู้ หนึ่งในอาหารชั้นเลิศที่ควรเลือกรับประทานค่ะช่วยลดระดับไขมัน โคเลสเตอรอล อุดมด้วยสาร Isoflavone สารเอสโตรเจนธรรมชาติจากพืช ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันมะเร็งเต้านม และยังช่วยให้ไตทำงานได้ดีด้วย
ขนาดรับประทาน : 30-50 mg ของ Isoflavone /วัน หรือเท่ากับปริมาณ เต้าหู้ 1/2 ถ้วย/วัน ซึ่งมี Isoflavone 35 mg.
8. ซอสมะเขือเทศ นอกจากจะสุดอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร สาร Lycopene ในมะเขือเทศเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ พบมากในเฉพาะมะเขือเทศเท่านั้น ในผักผลไม้ชนิดอื่นจะมี Lycopene น้อย สาร Lycopene มีคุณสมบัติกำจัดสารอนุมูลอิสระตัวอันตรายให้ออกไปจากร่างกายของคุณซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยให้คุณห่างไกลความร่วงโรยอีกด้วย น่าสนมั้ยล่ะ
ขนาดรับประทาน : รับประทานได้ตามใจชอบเป็นประจำทุกวัน
9. น้ำ ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่คุณควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำคือยาอันมหัศจรรย์ทีเดียว หากดื่มน้ำได้เพียงพอ จะช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย ตะคริว รักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย ป้องกันการเกิดนิ่ว และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
ควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และถ้าคุณสามารถดื่มได้มากกว่านี้ก็นับว่าเป็นกำไรของคุณ
เรื่องของ 9 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่เป็นเรื่องเก่าที่นำมาเล่าใหม่กี่ครั้งๆ ก็ยังไม่ทำให้ประโยชน์ที่ได้รับรู้ของผู้อ่านลดน้อยลง แต่กลับทำให้เป็นการตอกย้ำความระมัดระวังเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ.
ขอบคุณเครดิตจากhttp://student.nu.ac.th/com51/new.htm ค่ะ
|
ความคิดเห็น